
เทรนด์ Eco-friendly Shop ร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าเป็นมิตรต่อโลก ต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้คน รวมถึงร้านสำหรับรีฟิล ที่มีบริการให้นำภาชนะมาเติมของอุปโภค-บริโภคภายในบ้าน โดยไม่ต้องซื้อใหม่ โมเดลเหล่านี้เกิดขึ้นมานานแล้วในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่ๆ อย่างลอนดอน นิวยอร์ก สิงค์โปร์ หรือโตเกียว จากแนวคิด Zero Waste ที่นอกจะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าผู้บริโภคอย่างเรา ทั้งประหยัดทรัพยากร ที่สำคัญยังเป็นการลดอันการเกิดขยะจากบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ทั้งหีบห่อพลาสติก ขวดพลาสติก กระป๋องโลหะ ฯลฯ ซึ่งสุดท้ายแล้วกว่าจะย่อยสลายก็กลายเป็นขยะล้นโลก ล้นทะเลไปเสียก่อนนั่นเอง
ส่วนที่ประเทศไทยบ้านเฮา ตอนนี้เริ่มเห็นร้าน Eco-friendly Shop มาพร้อมกับบริการรีฟิล เกิดขึ้นตามจุดต่างๆ กระจายตัวอยู่ทั้งในต่างจังหวัด และโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ มากขึ้นแล้ว

Better Moon Cafe x Refill Station คือหนึ่งร้านสำคัญที่เรียกว่าเป็น Pioneer หรือผู้บุกเบิกของการนำธุรกิจ ‘ปั๊มน้ำยา’ เข้ามาให้เป็นที่รู้จักในบ้านเราตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้วนู้นนน
รูปกระต่ายบนดวงจันทร์ โลโก้ของร้าน นอกจากกระต่ายจะเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของเจ้าของร้านแล้ว ยังสื่อถึงความตั้งใจที่จะสร้างชุมชน Eco-friendly ให้พื้นที่ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการทำโลกให้น่าอยู่ขึ้น ด้วยการเปิดเป็นสโตร์เล็กๆ คัดสรรสินค้าจากผู้ผลิตรายเล็กในชุมชนทั่วประเทศไทยมาวางขาย พร้อมกับมีบริการ Refill Station ที่เราสามารถนำภาชนะมาได้ตั้งแต่อาหาร ขนมขบเคี้ยว ไปจนถึงสบู่ แชมพู จนถึงเครื่องอุปโภคต่างๆ ภายในบ้านได้ ควบคู่ไปกับการเปิดเป็นคาเฟ่และเกสต์เฮาส์บรรยากาศอบอุ่นด้วย

ความคิดริเริ่มรีฟิล สเตชั่นเกิดจากผู้ก่อตั้ง 3 คนคือ คุณแพร์-ปภาวี พงศ์ธนาวรานนท์, คุณแอน-สุภัชญา เตชะชูเชิด และ คุณน้ำมนต์-ชนินทร์ ศรีสุมะ เห็นไอเดียนี้จากต่างประเทศ จึงมีความคิดที่อยากเปิดสโตร์แบบนี้บ้างในเมืองไทย เพราะในตอนนั้นยังไม่มีอะไรแบบนี้ในเมืองไทย
คุณบุ้งกี๋ – อารีรัตน์ ต้นหิรัญมาศ ผู้จัดการร้าน Better Moon Cafe อาสามาเล่าให้เราฟังว่า หนึ่งในผู้ก่อมีความคิดที่จะเปิดที่นี่เป็นคาเฟ่อยู่แล้ว แต่ด้วยความที่คาเฟ่ เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่รู้กันดีว่าเป็นตัวสร้างขยะ ไม่ว่าจะเป็น แก้วพลาสติก หลอดพลาสติก หรือฝาแก้วพลาสติก และอีกมากมายหลายพลาสติก ในยุคที่หันซ้ายก็เจอคาเฟ่ หันขวาก็คาเฟ่อีก หนึ่งในผู้ก่อตั้งทั้ง 3 จึงมีความคิดที่จะทดลองดูว่าคาเฟ่ที่ชื่อ Better Moon จะช่วยลดการเกิดขยะเหล่านั้นได้มากน้อยแค่ไหน
ชุมชนที่อยากเห็นดาวโลกสะอาดขึ้นเริ่มต้นจากตรงนี้ละ!

จำเป็นมั้ยว่าการทำร้านรีฟิลต้องทำคู่กับธุรกิจคาเฟ่ที่พักหรืออื่นๆไปด้วย
จริงๆ แล้วการทำรีฟิล สเตชั่นสามารถทำเป็นร้าน Stand Alone เดี่ยวๆ ได้เลย ไม่จำเป็นว่าต้องทำคาเฟ่คู่กัน เพราะถ้าเป็นโมเดลของรีฟิล สเตชั่น ไม่ได้มีอะไรยาก แต่ยากตรงเป็นงานที่ต้องใช้การสื่อสารให้คนเข้าใจสูงว่าเรากำลังทำอะไรอยู่มากกว่า พอทำธุรกิจแบบนี้ในคาเฟ่ มันเหมือนช่วยดึงดูดให้คนเข้าถึงเราง่ายขึ้น
ช่วงที่เริ่มทำ มันค่อนข้างใหม่มากสำหรับคนไทย เขาจะสงสัยว่ามันต้องทำยังไงเหรอ แล้วเราขายกันยังไง จะซื้อยังไง โชคดีว่าช่วงที่เริ่มต้น ข่าวเรื่องขยะพลาสติกเป็นกระแสพอดี ทำให้การสื่อสารกับคนทั่วไปง่ายขึ้นเยอะ
ผลิตภัณฑ์รีฟิลต่างๆภายในร้านมีอะไรบ้างมาจากไหนและดีกว่าสินค้าในท้องตลาดยังไง
หลายคนเข้าใจไปว่าเราทำน้ำยา ทำสบู่ อะไรต่างๆ ขายเอง ซึ่งบอกก่อนเราไม่ได้ทำ เราจะติดแท็กไว้ทุกอันว่ามันเป็นของแบรนด์อะไร มาจากไหน
แบรนด์น้ำยาที่เห็นในร้านทั้งหมด เป็นแบรนด์คนไทยทำ เพราะเราอยากอุดหนุนผู้ผลิตรายเล็กที่เขามีความตั้งใจ
เริ่มจากการติดต่อซับพลายเออร์ ซึ่งหลายคนมีโปรดักซ์ที่ดี และมีความสนใจเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมกันอยู่แล้ว แต่เขาแค่อาจไม่มีที่สำหรับขายสินค้าของตัวเอง ไม่ได้มีหน้าร้าน ร้านเราก็เลยจะรับพวกน้ำยาเหล่านี้มาเป็นแกลลอน ซึ่งแต่ละอย่างก็จะมีให้เลือกหลากหลายแบรนด์ ทั้งสบู่ แชมพู น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า น้ำยาถูพื้น ครบเครื่องอุปโภค
ในส่วนของราคา จะถูกกว่าตามท้องตลาดอยู่แล้ว ประมาณ 10-20 บาทเลย เพราะปกติสินค้าทั่วไปจะต้องมีต้นทุนเรื่องแพ็คเกจจิ้ง ค่าโฆษณาอะไรต่างๆ แต่เราไม่ได้มีต้นทุนตรงนั้น


แบรนด์ส่วนใหญ่ที่เรานำมาจะเป็นแบรนด์ที่มีวางขายอยู่แล้วบ้าง อาจจะไม่ได้วงกว้าง ค่อนข้างเฉพาะกลุ่มหน่อย เชื่อว่าคนที่สนใจเรื่องสินค้าจากธรรมชาติน่าจะรู้จักกันบ้างอยู่แล้ว เขาก็จะมั่นใจได้ว่าราคาตรงนี้ถูกกว่า และไว้ใจได้เรื่องคุณภาพดี
เราไม่ได้เคลมว่าเป็นสินค้าออร์แกนิคทั้งหมด จะมีเป็นบางแบรนด์บ้างท่ีเคลมว่าออร์แกนิค แต่เราสามารถบอกได้ว่าเป็นสินค้าจากธรรมชาติ ไม่เป็นโทษต่อผู้บริโภคแน่นอน
แล้วการซื้อสินค้าจากผู้ผลิตรายย่อยในประเทศเป็นการช่วยสนับสนุนชุมชนยังไงบ้าง
อาจจะไม่ได้โดยตรงขนาดนั้น แต่เป็นในแง่ทางอ้อมมากกว่า เพราะเรายิ่งสนับสนุนซับพลายเออร์ที่ดีต่อธรรมชาติ เขาก็จะยิ่งเลือกวัตถุดิบที่จะนำมาทำโปรดักซ์อย่างพิถีพิถันมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นการช่วยชุมชนหรือผู้ผลิตรายย่อยอื่นๆ ต่อไปด้วย เหมือนสนับสนุนกันเป็นทอดๆ

กระแสตอบรับของคนทั่วไปต่อคัลเจอร์นี้ในบ้านเราเป็นยังไง
แรกเริ่มส่วนใหญ่ ลูกค้าเราเป็นชาวต่างชาติเกือบ 80% มีคนไทยเป็นส่วนน้อย เพราะฝรั่งเขาอาจจะเห็นโมเดลนี้จากประเทศบ้านเขาอยู่แล้ว ช่วงที่เราทำเป็นช่วงที่กระแสกำลังมา ทั้งเรื่องโลกร้อน เรื่องขยะล้นโลก เรื่องเต่าทะเลตายเพราะกินเศษขยะพลาสติกพวกนั้น ยิ่งบวกกับยุคโซเชียลมีเดียด้วย ยิ่งทำให้มันอิมเเพ็คกับคนส่วนใหญ่มากขึ้น ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ในชีวิตประจำวัน ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมยังไง มันทำให้เขาเริ่มตระหนัก และอยากรู้ว่าตัวเองพอจะทำอะไรเพื่อช่วยลดวงจรขยะเหล่านี้ได้บ้าง

อย่างการห้ามนำโฟมและพลาสติดเข้ามาในร้านที่มาของความคิดนี้คืออะไร
ปกติเวลาไปคาเฟ่หรือร้านอาหารที่ไหนก็ตามในโลก เขาจะบอกชัดเจนเลยใช่ไหมว่าห้ามนำอาหารจากที่อื่นเข้ามาภายในร้าน แต่สำหรับร้านเรา ตอนบ่ายๆ ค่ำๆ ข้างนอกมันจะมีบรรยากาศของสตรีทฟู้ด มีของกินขายยาวไปทั้งซอยเลย ยากที่จะห้ามใจไม่ให้คนซื้อเข้ามากินในร้าน เราก็เลยคิดว่า ถ้าอย่างนั้น ร้านเรามีจานชามไว้ให้ข้างหลังร้าน ลูกค้าสามารถหยิบจานออกไปซื้ออาหารข้างนอกเข้ามากินได้เลย เราไม่ห้าม แต่ช่วยเอาถ้วยชามเราไปใช้หน่อยละกัน อย่างน้อยก็ช่วยกันลดพลาสติกฟรือโฟมได้คนละนิดก็ยังดี ลูกค้าประจำหลายคน พอมาถึงสั่งกาแฟปุ๊บ เขาก็เดินหยิบจานไปซื้ออาหารข้างนอก

มันค่อยๆ กลายเป็นความเคยชิน พวกพ่อค้าแม่ค้าหลายคนข้างนอกก็เพิ่ม Awareness ด้วยเหมือนกันนะ เห็นแล้วเขาจะรู้เลยว่าเป็นลูกค้ามาจากร้านเรา เขาก็จะค่อยๆ ซึบซับวิถีแบบนี้ไปเอง
ไม่ได้มีแค่จานที่ให้หยิบไปซื้อของกิน อย่างโซนหลังร้านเรา จะมีภาชนะและบรรจุภัณฑ์เหลือใช้วางไว้ให้ ถ้าลูกค้ามีขวด กระป๋อง หรือแก้วที่ไม่ใช้แล้ว ก็สามารถนำมาล้างสะอาดแล้ววางทิ้งไว้ได้ เผื่อลูกค้าคนอื่นที่ไม่ได้พกภาชนะของตัวเองมา จะหยิบไปใช้เติมสบู่ แชมพู น้ำยาอะไรต่อมิอะไรได้อีก มันเหมือนเป็นโซนแนะนำการแยกขยะไปในตัว ให้คนค่อยๆ เรียนรู้ว่าถ้าแยกอย่างถูกต้อง ทุกอย่างนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้หมด


แล้วการหาสมดุลระหว่างการทำธุรกิจรีฟิลกับคาเฟ่ล่ะตัวคาเฟ่เองต้องสื่อสารอะไรมากน้อยแค่ไหน
เราต้องการให้คาเฟ่ Better Moon เป็นอารมณ์แบบ Homey & Healthy อบอุ่น เรียบง่าย เหมือนไปกินอาหารบ้านเพื่อน ไปนอนค้างบ้างบ้านเพื่อนอะไรแบบนั้น เราเทรนพนักงานทุกคนที่นี่เสมอว่าให้เทคแคร์ลูกค้าเหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ที่สำคัญคือเรื่องของอาหารก็ต้องอร่อยและดีต่อสุขภาพ มีอาหารมังสวิรัติสำหรับคนวีแกนให้เลือกด้วย เราพยายามเสาะหาวัตถุดิบจากชุมชนหมุนเวียนมาที่ร้านเรื่อยๆ อย่างที่เห็นดองในขวดโหลนั่นก็บ๊วยที่เจ้าของร้านไปลงพื้นที่สรรหามาจากเกษตรกรด้วยตัวเอง


Food Waste จากอาหารภายในร้านมีวิธีจัดการยังไง
อาหารที่เหลือ เรานำไปหมักเป็นปุ๋ย ถ้าเป็นของกินทำปุ๋ยได้หมด แม้แต่เศษกระดูกไก่ เราก็ลองเเล้ว ปรากฏว่าทำได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าเราต้องแยกแบบละเอียดหน่อย เช่น ต้องเป็นขยะแห้ง เราต้องแยกน้ำออกให้หมด เอาแต่กากอาหารจริงๆ
จากจุดเริ่มต้นจนถึงวันนี้เห็นเอ็ฟเฟ็กต์มากน้อยแค่ไหนต่อชุมชน
ถ้ามองจากแค่ที่เราเห็นภายในร้าน ในธุรกิจเกสต์เฮาสต์ของเรา คนเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ตอนแรกๆ ที่มีแต่ชาวต่างชาติ ตอนนี้มีคนไทยเยอะมากกว่าแล้วด้วยซ้ำ สำหรับที่นี่เราให้ 8 ดาวเลย มันเห็นผล มันเติบโตมากขึ้นจริงๆ ทั้งที่เราอยู่ค่อนข้างไกล แอบมายากนิดนึง แต่บางคนก็ยังตั้งใจมา เหมือนคนช่วยบอกต่อกันปากต่อปาก เราก็หวังว่าสิ่งที่เราทำมันจะขยายเติบโตต่อไปอีก
แต่พูดกันตามจริงคือพอเราออกไปข้างนอก ก็ยังเห็นหลายคนใช้ชีวิตกันเหมือนเดิม ยังไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ควรเริ่มได้แล้ว

ถ้ามีคนขอโมเดลธุรกิจนี้ไปทำบ้าง
คนมาขอเปิดแฟรนไซส์เยอะเหมือนกัน แต่เราคิดว่าเราอยากบริหารตรงนี้ให้เต็มที่ก่อน เพราะดีเทลในแต่ละส่วนทั้งคาเฟ่ รีฟิล และที่พัก มันค่อนข้างเยอะนิดหนึ่ง เลยขอเป็นการให้คำปรึกษาแทนดีกว่า สำหรับใครที่คิดจะเปิดร้านแบบนี้ เรายินดีมากๆ ติดต่อเรามาทางเพจเฟซบุ๊กได้เลย เราอยากให้โมเดลนี้มันเกิดขึ้นเยอะๆ ไม่จำเป็นต้องมาเติมน้ำยาที่เราก็ได้ ถ้ามีร้านแบบนี้เกิดขึ้นใกล้ๆ บ้านที่เขาอยู่มันจะง่ายขึ้นมาก แล้วพอชีวิตเขาง่ายขึ้น เขาจะทำมันได้อย่างต่อเนื่อง ระยะยาว
หลังๆ เริ่มมีคนเรียกแมสเซ็นเจอร์มาเติมให้ เราเลยคิดว่าอนาคตอาจจะโมเดลแบบ Delivery เกิดขึ้น สำหรับคนที่ไม่สะดวกออกมาเติมเอง

ความยั่งยืนสำหรับคุณเป็นยังไง
สำหรับเรามันคือการทำอะไรอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อตนเองและคนรอบข้าง
แค่ทุกคนเริ่มวันนี้ ทำวันนี้ ทำอย่างต่อเนื่อง หลายคนรวมกันมันน่าจะเป็นมูฟเม้นต์ที่ยิ่งใหญ่ได้
เหมือนกับคอนเซ็ปต์ของรีฟิล สเตชั่นที่ว่า ‘Little things make great change.’

Better Moon Cafe x Refill Station
พิกัดร้านอยู่ซอยในสุขุมวิท 77/1 วิธีการมาง่ายสุด (สำหรับคนไม่ขับรถ) คือเดินลงจาก BTS อ่อนนุช เลือกทางออก 1 ฝั่งตรงข้ามโลตัสอ่อนนุช เดินไม่ทันเมื่อยก็จะเห็นป้ายซอย เลี้ยวเข้าซอยมานิดเดียวก็จะเจอร้านอยู่ทางซ้ายมือเลยจ้า
Google map : https://goo.gl/9S8DHJ
เปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา : 8.00 – 21.30 น.
โทร. 093-563-2265
Facebook : https://www.facebook.com/bettermoonshop/
* ตอนนี้เปิดรีฟิล สเตชั่นบนสถานี BTS เอกมัยเพิ่มแล้วด้วย :