หลังจากวันแรกเราได้ใส่บาตรแถมเดินเล่นกันที่สะพานมอญในตอนที่ 1 และไหว้พระชมวัดในตอนที่ 2 ไปแล้ว วันที่สองนี้ก็มาตะลุยกันต่อ บอกเลยว่าวันนี้จัดหนักจัดเต็มจนถึงค่ำ ถ้าพร้อมแล้วขอเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการหาร้านอร่อยที่จะทำให้นึกถึงที่นี่ไปตลอดก่อนนะ

พอปรึกษากับเพื่อนร่วมทริปจนได้ข้อสรุปแล้วว่า “อาหารพม่าเนี่ยแหละ จะทำให้พวกเราเข้าถึงวิถีชีวิตในแง่การกินอยู่ของคนพื้นถิ่นได้มากที่สุด” ทุกคนจึงช่วยกันหาร้านที่ไม่ไกลจากที่พักมาก อีกอย่างคือสามารถเดินทางไปต่ออีกที่ได้สะดวกด้วย เมื่อเคาะแล้วก็ตัดสินใจออกรถในทันที
1
อาหารพม่า..รสชาติที่พลาดไม่ได้
มื้อแรกของวันขอเลือกร้าน ‘Burmese Inn’ (เบอมิซอินน์) เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราจะได้ลิ้มรสอาหารพม่า ตื่นเต้นมากกกก ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นยังไง อ่อ…ที่นี่มีที่พักด้วยนะ เผื่อใครอยากหาที่พักใกล้สะพานมอญจริงๆ ก็สอบถามได้ ใกล้ชนิดที่มองเห็นสะพานมอญได้เลย แต่เราขอมาเยือนร้านอาหารในเครือก่อน
เข้ามาถึงก็เลือกโต๊ะที่มองเห็นสะพานมอญได้องศาพอดี บรรยากาศร้านตกแต่งแบบเรียบง่าย เสมือนบ้านไม้ที่มีนอกชานอยู่ชั้นสอง นั่งรับลมเย็นๆ พร้อมการต้อนรับจากผู้ดูแลร้าน ด้วยการพูดคุยแบบเป็นกันเองและยื่นเมนูมาให้ แต่สุดท้ายก็สั่งอาหารพม่าตามคำแนะนำของทางร้าน

เราสั่งเมนูซิกเนเจอร์อาหารพม่า 3 อย่าง ได้แก่ ‘น้ำพริกพม่าผักสด’ จะคล้ายน้ำพริกกุ้งเสียบ รสชาติออกหวานนำ เค็มตาม ไม่เผ็ดมาก มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวจากส่วนผสมของเครื่องปรุงต่างๆ ทั้งพริกพม่า บวกกับวัตถุดิบหลักอย่างมะพร้าวขูดผัดคลุกเคล้ากับกุ้งแห้งพม่า เสิร์ฟคู่ผักสดและขนมรังนกสีเหลืองกรุบกรอบ ทำจากแป้งมันผสมขมิ้น เคี้ยวเพลินมาก

ต่อมา ‘โองนุข้าวส่วย’ ลักษณะคล้ายข้าวซอย คือจะมีเส้นข้าวส่วย (คล้ายเส้นสปาเกตตี) เสิร์ฟคู่กับ ไข่ต้ม ไก่ทอด เต้าหู้ทอด ขนมรังนก กินพร้อมกับน้ำราดรสชาติไม่จัดจ้านมาก มีความมันๆ จากกะทิ และมีกลิ่นหอมเครื่องปรุงพม่ากับมัสร่า

ปิดท้ายด้วย ‘ยำสาวพม่า’ รสชาติจัดจ้าน หอมเครื่องปรุงกลิ่นเฉพาะที่ไม่เหมือนอาหารไทย (อีกแล้ว) เวลากินให้ความรู้สึกคล้ายยำสามกรอบ เพราะรวมถั่วสารพัดชนิดทั้งถั่วกรอบ ถั่วลิสงคั่ว ยำรวมกับมะม่วงดิบ พริกขี้หนู คึ่นช่าย และต้นหอม ส่วนอาหารไทยเมนูทั่วไปมีให้เลือกหลากหลายอย่าง ’ต้มยำปลาคัง’ เอาไว้ซดน้ำคล่องคอ หรือจะสั่งเมนูอื่นตามชอบก็ได้ แต่เราขอเน้นอาหารพม่าเป็นหลัก
Burmese Inn
Location : 52/3 หมู่ 3 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
Contact : 086-168-1801

2
เย็นใจที่น้ำตกนพพิบูลย์
‘น้ำตกนพพิบูลย์’ หรือ ‘น้ำตกหมวดเดช’ ตามชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันติดปาก เราตั้งใจมาที่นี่มาก เพราะรู้สึกว่าการได้ฟังเสียงน้ำตกเป็นธรรมชาติบำบัดที่ดีต่อใจสุดๆ และการเดินทางเข้ามาก็ทุลักทุเลนิดหน่อย ฮ่าาา เพราะเปิดกูเกิลแมปแล้วมีเส้นทางเก่ากับใหม่ แนะนำว่าเช็กเทียบดูกับป้ายตามทางกันด้วยนะ ถ้าขับมาเรื่อยๆ แล้วได้ยินเสียงน้ำตกมาแต่ไกล แสดงว่าคุณมาถูกทางแล้ว

มาที่นี่ผู้คนไม่พลุกพล่าน สงบเงียบ จะได้ยินก็แต่เสียงน้ำตกไหลกระทบชั้นหินด้วยความสูงทั้งหมดประมาณ 25 เมตร สลับกับเสียงนกร้องเท่านั้น พอเดินตามทางที่ลดลั่นลงไปสักพักก็ปักหลักกันอยู่ที่ชั้นบนใกล้ทางเข้า เราเอามือสัมผัสน้ำเย็นๆ เดินลุยน้ำข้ามแอ่งตื้นไปมาอย่างระมัดระวัง เพื่อหามุมถ่ายรูปสวยๆ จนได้ช็อตที่แสงอาทิตย์ลอดผ่านกิ่งไม้ใบไม้ที่ซ้อนสลับกัน แล้วส่องกระทบผิวน้ำสะท้อนแสงวิบวับมาตรงหน้า บอกเลยว่าของจริงสวยกว่าในรูปเยอะ

ชื่อน้ำตกนี้นำมาจากนามสกุลของผู้ค้นพบเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือปี 2559 เดือนกุมภาพันธ์ โดย ร.ต.ท. สุรเดช นพพิบูลย์ เจอในขณะที่หมวดเดชกำลังปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดสกัดตรวจค้นบริเวณริมถนนทางหลวงชนบท 2078 ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ซึ่งใกล้กับบริเวณน้ำตกแห่งนี้ จนช่วงฤดูฝนได้ยินเสียงน้ำไหลแรงอย่างชัดเจน ก็ได้เริ่มทำการสำรวจบริเวณนั้นร่วมกับชาวบ้านถางวัชพืชไปเรื่อยๆ ก็พบน้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่
น้ำตกนพพิบูลย์
Location : ทางหลวงชนบท กาญจนบุรี 2078 ต.หนองลู อ.สังขละบุรีจ.กาญจนบุรี
Open : 08.00-16.00 น.

3
สุดเขตแดนที่ด่านเจดีย์สามองค์
จากน้ำตกเราแวะด่านเจดีย์สามองค์แป๊บหนึ่ง เพราะอยากเห็นจุดสิ้นสุดเขตชายแดนไทยด้านทิศตะวันตกกับตาตัวเองสักครั้ง บริเวณนี้มีเขตติดต่อกับประเทศพม่า ซึ่งเราสามารถข้ามชายแดนเข้าไปยังตลาดพญาตองซูในเขตพม่าได้ โดยฝั่งตรงข้ามกับเจดีย์จะมีท่ารถตู้ของหลายเจ้ามากๆ สอบถามราคารวมค่าผ่านด่านแล้วขึ้นรถได้เลย แต่เราไม่ข้ามไป ถ่ายรูปเสร็จแล้วกลับเข้าที่พักเลย
แต่จะขอเล่าย้อนอดีตถึงความสำคัญของด่านเจดีย์สามองค์สักหน่อย เมื่อก่อนจุดนี้เป็นช่องทางเดินทัพของไทยและพม่า ซึ่งเดิมทีเป็นเพียงการนำก้อนหินมาวางซ้อนๆ กันสามกอง หรือเรียกว่า ‘หินสามกอง’ อีกทั้งบริเวณนี้ยังเป็นที่สักการะของคนไทยก่อนที่จะเดินทางออกเขตแดนไทยเข้าไปยังเขตแดนพม่ามาช้านานด้วย ที่นี่ถูกสร้างเป็นองค์เจดีย์ครั้งแรกเมื่อ พระศรีสุวรรณคีรี (ทะเจียงโปรย เสตะพันธ์) เจ้าเมืองสังขละบุรี ร่วมกับราษฎรในพื้นที่ก่อสร้างเจดีย์แต่ละองค์บนหินสามกองด้วยสูงประมาณ 6 เมตร ตั้งห่างกันประมาณ 5-6 เมตร หลังจากนั้นกรมศิลปากรก็ดำเนินการขุดแต่งและพบฐานเจดีย์ จนในปีพ.ศ. 2498 ทางกรมศิลปากรก็ได้ประกาศขึ้นทะเบียนพระเจดีย์สามองค์เป็นโบราณสถานของชาติ
ด่านเจดีย์สามองค์
Location : ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
Open : ทุกวันเวลา 06.00 – 18.00 น.

4
ถนนคนเดิน..เพลินๆ กับของสารพัดสิ่ง
ปิดจ๊อบกันที่ ‘ถนนคนเดิน’ สังขละบุรี เรามาหาของกินมื้อเย็น เดินเล่น ดูการแสดง และซื้อของที่มีเยอะมากกันที่นี่ เป้าหมายแรกคือตามหาร้านขายหมูจุ่มพม่า แต่กว่าจะเดินไปถึงร้านซึ่งอยู่ท้ายตลาดก็แวะหลายร้านเลย ใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ แหนะ^^
ก็ใครจะอดใจไหวกับของสารพัดสิ่งที่ตั้งเรียงรายบนถนนทอดยาวจนมองไม่เห็นร้านท้ายๆ เสื้อผ้าเอย กระเป๋า รองเท้าเอย ลวดลายเป็นเอกลักษณ์พื้นถิ่นน่ารักมาก แป้งทานาคา ชาพม่า สมุนไพรต่างๆ เรียกว่าหาซื้อที่นี่ถูกและมีครบที่เดียวนะ ฟากฝั่งของกินก็มีทั้งขนม ของกินเล่นแบบเดินไปกินไปได้ ซึ่งหน้าตาก็เหมือนถนนคนเกินทั่วไปแต่มีให้เลือกเยอะ เด็ดกว่านั้นคือมีของหน้าตาแปลกลๆ ชื่อไม่คุ้นหูด้วยอย่าง ขนมทองโย๊ะ เป็นข้าวเหนียวบดกับงาดำ เนื้อแป้งแอบคล้ายกุยช่ายทอด เวลากินก็จิ้มนมจะได้รสชาติหวาน เคี้ยวเพลินๆ ที่สำคัญหอมงาดำมาก
ส่วนใครจะกินมื้อหนักๆ ก็มีร้านอาหารตามสั่ง ร้านขายอาหารเมนูไทยทั่วไป และร้านหมูจุ่มพม่าที่ตามหาจนเจอ มีหลายร้านเรียงกันเลือกเอาเลย เราเจอร้านนี้ขายหมูและเครื่องในเสียบไม้จุ่มในน้ำสีคล้ายพะโล้ไม้ละบาท จำชื่อร้านไม่ได้แล้ว (ส่วนใหญ่ราคาเท่ากัน) พอได้ที่นั่งแล้วทางร้านจะวางน้ำจิ้มซีฟู้ดและซอสพม่าไว้ให้อย่างละ 1 ถ้วย เมื่อหยิบหมูเสียบไม้นุ่มๆ ในหม้อใหญ่มาแล้วจะจิ้มแยกหรือจิ้มพร้อมกันทั้งสองอย่างก็อร่อยสุดๆ แต่ขอบอกหน่อยว่ารสชาติซอสพม่าออกเผ็ดนิดๆ เหมือนซอสพริกบ้านเราก็จริง แต่กลิ่นของพริกพม่าไม่ธรรมดาเลย (ต้องลองเอง) ยิ่งเราสั่งเมนูอื่นในร้านมาด้วย

อย่าง ยำพม่าหมูรวม เป็นการเอาหมูมาใส่ผักแล้วก็ใช้น้ำปรุงรสที่มีส่วนผสมของพริกพม่าอีกนั่นแหละมายำ เมื่อกินหมูจุ่มและยำสลับไปมา โอ้โห..กลิ่นพริกพม่าตีขึ้นจมูกรุนแรงมาก หากใครอยากลองเมนูอื่นในร้านก็สั่งเลย เปิดประสบการณ์สิ่งที่ไม่เคยกินมาก่อน อ่อ..ตอนหนึ่งทุ่มมีการแสดงพื้นเมืองด้วย หรือใครจะฟังดนตรีจากเวทีใหญ่ก็ได้เหมือนกัน
ถนนคนเดิน
Location : ซ.เทศบาล 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
Open : ทุกวันเสาร์เวลา 17.00-21.00 น.
ทริปสังขละบุรี 3 วัน 2 คืนก็จบลงอย่างอิ่มอกอิ่มใจในที่สุด ถึงเวลาเดินทางกลับกันแล้ว เรียกได้ว่าประสบการณ์ครั้งนี้หลากเรื่องราวหลายรสชาติมากๆ รู้สึกประทับใจในความเป็นมิตร รอยยิ้ม และการต้อนรับของผู้คนที่นี่ หากใครมีโอกาสก็อยากให้ลองมาดูสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่าความรู้สึกทั้งหมดที่เราเล่ามา คุณเองก็อาจจะคิดไม่ต่างกันเลย