ตลอดทางเดินสองฝั่งเห็นความงดงามของบ้านไม้โบราณปลูกเป็นห้องแถว 2 ชั้น ทำให้สัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ย้อนไปเมื่ออดีต

หนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของคนที่มาเยือนเมืองแปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา ต้องมี ‘ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี’ อยู่ในลิสต์ด้วยแน่ๆ เพราะใครก็ตามที่ชื่นชอบความเก่าแก่ ความคลาสสิกของตลาดน้ำ หรือชุมชนริมน้ำ ย่อมเข้าใจหัวอกคนที่ชอบเหมือนกันได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าทีม Breakfast ผู้คลั่งไคล้ของกิน และเสพติดการเดินตลาดอย่างเราๆ ก็ไม่พลาดเด็ดขาด พอรู้ตัวว่าก่อนกลับจะได้แวะตลาดก็กำเงินในกระเป๋าแล้วบึ่งรถไปด้วยความตื่นเต้น (ไม่ใช่อะไร หิวววว )



พอจอดรถได้ก็รีบพุ่งตัวไปร้านแรกก่อนเลย คือร้านขาย ‘ขนมผักกาด’ เป็นร้านรถเข็นอยู่ใกล้ทางเข้า ระหว่างยืนรอป้าผัด เราก็มองบรรยากาศรอบๆ เห็นคนพากันถ่ายรูปกับป้ายไม้ที่เขียนว่า ‘ตลาดบ้านใหม่’ ซึ่งถือเป็นการเชิญชวนและบอกเราเป็นนัยๆ ว่ามาถึงแล้วนะ ! และเมื่อได้ของกินอย่างแรกแล้ว เราจะพาไปเดินดูของอื่นๆ ด้านในกันต่อ…

ตลอดทางเดินสองฝั่งหลังจากที่เราผ่านด้านหน้ามาได้นิดหน่อย ก็เห็นความงดงามของบ้านไม้โบราณปลูกเป็นห้องแถว 2 ชั้น ทำให้สัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ย้อนไปเมื่ออดีต จากคำบอกเล่าของคนเมืองแปดริ้วและข้อมูลที่เรารู้มา เดิมทีตลาดนี้เป็นชุมชนของชาวไทย – จีนที่อาศัยอยู่เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ก็ถ้านับจริงๆ น่าจะเกิน 150 ปีแล้ว ด้วยความที่อยู่ใกล้แม่น้ำบางปะกงการใช้ชีวิตก็ผูกพันอยู่กับริมน้ำ รวมถึงการค้าขายแบบตลาดน้ำเมื่อก่อนที่คนจะเอาสินค้าที่ปลูกเองทำเองมาขาย แต่เมื่อความเจริญเข้ามา การคมนาคมดีขึ้น มีถนนใช้ในการเดินทาง บวกกับคนในชุมชนรุ่นหลังๆ ย้ายไปอยู่ที่อื่น ทำให้ที่นี่ไม่คึกคักเหมือนเคย บทบาทของตลาดค่อยๆ ลดลง



ชาวบ้านที่อยากพัฒนาตลาด ทางผู้ดูแลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงช่วยกันฟื้นฟูตลาดเมื่อประมาณ 15 ปี ที่แล้ว (พ.ศ.2547) จนตอนนี้ตลาดก็กลับมาได้รับความนิยมจนจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของคนในชุมชน และเป็นคนภายในจังหวัดกลับมาขายของ เราจึงเห็นอาหารการกินเป็นสูตรที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น อีกทั้งยังรวมของดีของเด็ดประจำจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียงมาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารสามแม่ครัว ที่คงเอกลักษณ์การใช้ถ่านและใช้ฟืนในการทำกับข้าว ร้านขนมลอดช่องแม่วงษ์ น้ำกะทิทำจากตาลโตนด ร้านขนมจากบ้านแม่สนม ที่นำมะพร้าวซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ปลูกเองมาทำขาย นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่ชาวบ้านในชุมชนปลูกเองทำเองมาขาย อย่างมะพร้าว น้ำตาล น้ำผึ้ง รับรองว่าได้ของดีสดใหม่แน่นอน




เดินจนย่อยมาสักพักก็หิวอีกแล้ว ขอเลือกร้านบรรยากาศดีๆ เพื่อนั่งชมวิวริมน้ำกันสักหน่อย เจอร้าน ‘ก๋วยเตี๋ยวริมน้ำ – ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี’ อ่ะแวะเลยแล้วกัน ถึงเมนูจะมีไม่เยอะมาก แต่ก็มีให้เลือกทั้งก๋วยเตี๋ยวแบบแห้งและน้ำ และทีเด็ดที่สามารถสั่งกุยช่ายใส่ซุปน้ำใส และต้มยำ เอาเป็นว่าฝากท้องไว้ร้านนี้ได้ฟินกับบรรยากาศกินก๋วยเตี๋ยวไปมองน้ำไป โอ้โห…ดีจริง




อิ่มจากร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วแต่เราจะยังไม่หยุดแค่นี้ เพราะมาทั้งทีต้องได้รูปและของฝากกลับบ้าน เดินออกมาแวะซื้อของเล่นโบราณ แถมตรงสะพานเจอคุณลุงแต่งชุดแบบนายจันทร์หนวดเขี้ยวก็ขอถ่ายรูปด้วยสักหน่อย (ให้เงินลุงด้วยน้า) มาพักหลบแดดอีกแป๊บนึง เพราะได้ยินเสียงดนตรีเลยหยุดดูป้าๆ น้าๆ รำวงกันที่เรือนไม้หลังใหญ่เพลินมาก เราเก็บภาพบรรยากาศรอบตลาดไปเรื่อยๆ มันดีต่อใจจนไม่รู้จะอธิบายเป็นตัวหนังสือได้ยังไง ให้ทุกคนลองสัมผัสจากภาพดูแล้วกันนะ


แม้จะอิ่มแค่ไหนแต่พอเห็นของกินเยอะๆ ก็อยากกินไปซะทุกอย่าง(อีกแล้ว) คิดดูว่ามีทั้งขนมถุงทอง ขนมเปี๊ยะ ข้าวห่อใบบัว แจงรอนหรือจับไม้ (ทอดมันเสียบไม้ปิ้งนั่นแหละ) อยากจะมีสักสิบกระเพาะจะได้กินหมดนี่ได้ 555+ เราไปยืนดูคุณป้าทำขนมเกสรลำเจียกแบบชิ้นต่อชิ้น ขนมจากในรั้วในวังตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 กว่าจะร่อนแป้ง กว่าจะม้วนเสร็จ ป้าต้องพยายามมาก สรุปเลยซื้อเป็นขนมติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกหนึ่งกล่อง เดินไปเดินมาเจอขนมตุ๊บตั๊บ ไอเลิฟกลิ่นนี้มาก ความหอมของถั่วและน้ำตาล บวกกับกรรมวิธีในการทำที่ต้องใช้แรงทุบเสียงดังลั่นตลาด เป็นซิกเนเจอร์ที่ไม่แข็งแรงจริงทำไม่ได้ และใช่จ่ะนี่ก็ซื้อกลับบ้านเช่นกัน




ในเมื่ออิ่มแล้ว ได้ของกลับบ้านแล้ว และได้ภาพสุดประทับใจแล้ว ก็ต้องขอตัวกลับได้แล้ว ใครสนใจมาเที่ยว มาช้อป มาซึมซับวัฒนธรรมของคนที่นี่ก็มาได้ตั้งแต่เช้าเลย ปกติตลาดจะปิดช่วงเย็น แต่ถ้าอยากได้ของเยอะแนะนำว่ามาก่อนเที่ยงหรือบ่ายจะดีมาก เพราะของยังไม่หมดนั่นเอง ใครไปเที่ยวที่นี่ประจำหรือยังไม่เคยไปมาแชร์ความรู้สึกกันได้นะ เราไปครั้งแรกประทับใจมากเลย ☺


_